ดูสินค้าทั้งหมด
Notice
  • Login
  • สมัครสมาชิก
  • ลืม password
  • Thai
อ้อ บิวตี้ช้อป 083-6528555 อ้อ
สถิติเว็บ
วันที่สร้างเว็บ :4/3/2011
ปรับปรุงเว็บล่าสุด :4/10/2017
จำนวนคนเข้าชมเว็บนี้ :2157913

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว คุณค่าสารอาหารจากธรรมชาติเพื่อสุขภาพ

 รายละเอียดบทความ  วันที่โพส : 11/3/2011  จำนวนคนเข้าชม : 1622


หลายท่านคงทราบดีว่า ข้าวกล้อง เป็นธัญญาหารอุดมด้วยคุณค่าสารอาหารครบถ้วนที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งในด้านป้องกัน บำบัด และรักษา อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายของเราเกิดความสมดุล โดยมีกลุ่มสารอาหารที่สำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายชนิดจะมีอยู่ในส่วนเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว หรือที่เรียกกันติดปากว่ารำข้าว และจมูกข้าวนั่นเอง

ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของโลกเกิดขึ้นอย่างรวมเร็วพร้อมกับการเสื่อมโทรมของธรรมชาติ ทำให้เกิดมลพิษทางธรรมชาติที่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตอยู่มากมาย อีกทั้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่รีบเร่งของหนุ่มสาวชาวเมืองใหญ่ในทุกวันนี้ ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหารอย่างไม่เต็มคุณภาพ ส่งผลให้ร่างกายขาดสารอาหารที่มีคุณค่าไปอย่างน่าเสียดาย


จากการศึกษาทางการแพทย์ พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่มนุษย์เคยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อเป็นหลักกลับกลายเป็นว่าอัตราการเสียชีวิตของมนุษย์มีสาเหตุมาจาก  “โรคเสื่อม(Degenerative Diseases)” หรือภาวะความผิดปรกติของร่างกายที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ซึ่งสถิติพบว่า โรคที่เกิดจากการติดเชื้อนั้นมีเพียง 10% ของอัตราการเกิดโรคทั้งหมด และอีก 90% ล้วนเป็นโรคเสื่อม (Degenerative Diseases) ซึ่งสามอันดับแรกของโรคเสื่อมที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทย ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ซึ่งล้วนเป็นโรคเสื่อมทั้งสิ้น ซึ่งสาเหตุหลักมาจากสภาวะการขาดสารอาหาร ทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลของร่างกาย


จากการศึกษาวิจัยค้นคว้าด้านการแพทย์พบว่า “ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวมีสารแกมม่า-โอไรโซนอล (Gamma-Oryzanol) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและพบมากที่สุดในข้าว โดยเฉพาะในส่วนผิวที่มีสีน้ำตาลอ่อนของข้าวที่ยังไม่ผ่านการขัดสี ที่เราเรียกว่า รำข้าว ดังนั้น แกมมา-โอไรโซนอล จึงพบในน้ำมันรำข้าวมากกว่า ไม่พบในน้ำมันพืชชนิดอื่น และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ทำให้ปัจจุบันน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อาหารสัตว์ การใช้กรดไขมันอิสระในการผลิตสบู่ และด้วยคุณสมบัติการซึมซาบที่รวดเร็วจึงใช้เป็นส่วนประกอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เป็นต้น

 

สำหรับวิธีการสกัดน้ำมันรำข้าว และจมูกข้าวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีการสกัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ สกัดโดยวิธีบีบเย็น (Cold press extraction) ซึ่งต้องให้ความใส่ใจตั้งแต่การคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวเจ้าที่ดีที่สุด และเป็นเมล็ดพันธุ์แท้เท่านั้นโดยคัดเลือกจากแหล่งที่ไว้ใจได้ และมีการควบคุมต่าง ๆ  โดยเฉพาะข้าวสีดำชนิด Rice berry มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าข้าวทั่วไป และหลังจากแยกข้าวเปลือกออกแล้ว ข้าวที่ถูกส่งมาจะมีเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง หรือหนึ่งวันเท่านั้น เพื่อเก็บคุณค่าของรำข้าวและจมูกข้าวให้ได้มากที่สุด และเมื่อถึงโรงงานต้องผ่านเครื่องวัดความชื้นของเมล็ดข้าว (Near-Infrared System) หากข้าวล็อตนั้นมีความชื้นมากเกินไป  จะถูกตัดจากสายการผลิตทันที และเมื่อได้รำข้าวและจมูกข้าวที่ดีแล้ว ก็จะนำเข้าเครื่อง Expander ผ่านไอน้ำอุณหภูมิ 110-120 องศาเซลเซียส และอบแห้ง เมื่ออบแห้งเสร็จเรียบร้อย จึงนำเข้าสู่ขั้นตอนการสกัดมาเป็นน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว โดยต้องไม่ใช้สารเคมีเอ็กเซน (Hexane) ในกระบวนการผลิต เพื่อทำให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภคในระยะยาว  หลังกระบวนการสกัดก็จะได้น้ำมันรำข้าว  และจมูกข้าว ซึ่งสามารถคงคุณค่าของสาระสำคัญที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ  ไว้ได้อย่างครบถ้วน

 

โดยน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวที่สกัดได้จากกรรมวิธีพิเศษนี้จะไม่มีการใส่วัตถุกันเสีย และไม่มีการเติมสารเคมีหรือแต่งสี ซึ่งสีของน้ำมันจะเป็นสีตามธรรมชาติ คือ สีน้ำตาลเข้มคล้ำ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และเมื่อตั้งทิ้งไว้ระยะหนึ่งจะพบมีตะกอนของ   สารสเตอรอลจากพืช (Phytosterol) นอนก้นอยู่เล็กน้อย ซึ่งแสดงว่าเป็นน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวบริสุทธิ์เป็นของแท้มีคุณภาพสูง และเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า 10 ชนิด อาทิ สารแกมม่า-โอไรโซนอล (Gamma-Oryzanol) ลดโคเลสเตอรอลและไขมันในร่างกาย, วิตามินอีคอมเพล็กซ์ ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์, เอ็นไซม์และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการขจัดพิษจากตับและเซลล์อื่น ๆ ทั่วร่างกาย เป็นต้น


น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน แต่ไม่ได้เป็นยาเพื่อรักษาอาการของโรคเหล่านั้น เพียงแต่สารอาหารที่อยู่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ร่างกายจึงสร้างภูมิต้านทานต่อโรคต่าง ๆ หรือบำบัดอาการของโรคเรื้อรังต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามการรับประทาน ควรคำนึงถึงจุดสมดุลของร่างกายด้วย โดยเฉพาะควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดจะดีที่สุด


บทความโดย:health-protect.com 

ถูกใจบทความนี้ ช่วยกดไลค์หรือแชร์กันหน่อยนะ...
เรื่องน่าสนใจอื่น ๆ
4 อาหาร ที่ทำให้หน้าท้องแบนราบ
4 อาหาร ที่ทำให้หน้าท้องแบนราบ
8/4/2011    view time : 1464
"แคลอรี่"..ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้หน้าท้องเพิ่มหรือลด แต่อาหารบางอย่างดูจะมีผลต่อไขมันกลางลำตัวของเรามากกว่า เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เชี่ยวชาญจากการศึกษาแบบต่อเนื่องของ Framingham Nutrition รายงานว่า ผู้หญิงที่กินน้อยลงไปเกือบ 400 แคลอรี่ ต่อวัน แต่เลือกอาหารที่มีส
"กินปลาดิบ" ต้องระวังสุขภาพ
5/3/2011    view time : 1275
คุณ ๆ รู้ไหมว่าการกินปลาดิบนั้นจะทำให้ขาดวิตามินแถมยังต้องเสี่ยงเรื่องพยาธิใบไม้และพยาธิตัวจี๊ดอีกต่างหากค่ะ ทางด้านโภชนาการอาหารแล้วเค้ามักจะบอกให้ทานอะไรที่สุก ๆ เท่านั้นถึงจะดีและเยี่ยมที่สุดนอกจะสะอาดถูกหลักอามัยแล้วยังจะไม่ทำให้คุณต้องเสี่ยเรื่องพยาธิใบไม้และพยาธิตัวจี๊ดอีกด
ยิ่งนอนดึก ยิ่งเร่งวันตาย
ยิ่งนอนดึก ยิ่งเร่งวันตาย
11/3/2011    view time : 1190
การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง การทำงานดึกทำให้ร่างกายล้า เหมือนกับ เครื่องยนต์ overload ไม่ช้าเครื่องก็พัง วิธีแก้ไขในกรณีต้องทำงานดึก (เพื่อไม่ให้ร่างกายโทรมเร็ว) ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงาน มักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับค
ลบรอยแผลเป็น ที่เป็นรอยดำ
ลบรอยแผลเป็น ที่เป็นรอยดำ
8/4/2011    view time : 1744
ใครที่มีรอยแผลเป็นแล้วกลายเป็นรอยดำ ไม่รู้จะรักษายังไง วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีรักษามาบอกกัน.... รอยแผลเป็นที่เป็นรอยดำ ตามธรรมชาติแล้วจะจางลงเรื่อยๆ แต่ใช้เวลานานเป็นปี ระยะเวลาก็ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับรอยแผลด้วยว่าดำมากหรือน้อย และอายุ ถ้าเป็นในผู้ใหญ่รอยดำก็จะจางช้ากว่าใน
ความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้
Save Progress..