โบราณทำไมถึงสวย

โบราณทำไมถึงสวย

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ดูเหมือนว่าวันนี้จะพิเศษกว่าทุกวัน ผู้คนวุ่นวาย
สัญจรไปมา ฉันเฝ้ายืนดูที่ศาลาท่าน้ำ เพื่อรอใส่บาตรเหมือนเช่นทุกวัน
แต่วันนี้พระออกบิณฑบาตรเป็นวันสุดท้าย ก่อนเข้าสู่ปีใหม่ของไทยพอเห็น
หลวงพ่อพายเรือมาแต่ไกล ฉันส่งเสียงบอกคุณย่าว่า พระใกล้มาถึงแล้ว
และทันทีที่พระพายเรือมาเทียบท่าหน้าบ้าน ฉันกับคุณย่านั่งพับเพียบ
พนมมือนิมนตŒหลวงพ่อ ฉันตักข้าวใส่บาตรเหมือนเช่นปกติทุกวัน แต่วันนี้
เกิดอะไรขึ้น.... ฉันพยายามสลัดข้าว ที่ติดทัพพีสุดแรง ให้ข้าวลงบาตร
กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด ข้าวมันแฉะเกินไป ว่าแล้วก็ลองใช้ทัพพีเคาะกับ
บาตรพระ แหม! มันได้ผลนะ แต่โดนคุณย่าสวดไปหลายบท ท่านบอกว่า
ทำแบบนี้มันไม่ถูก บาปนะลูกและเป็นกิริยาที่ผู้หญิงไม่ควรกระทำ ดูแล้ว
ไม่งาม ตอนนั้นเรายังเด็กก็ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลสักเท่าไร


ด้วยวัยเด็กหนีไม่พ้นความซนมาเป็นที่หนึ่ง พวกเราพี่ๆน้องเริ่ม
หากิจกรรมสนุกๆ ทำจนมาเห็นคุณปู่นั่งทำแป้งร่ำบรรจุกระป๋อง บรรจุซอง
เตรียมขาย ทุกครั้งที่ลมหนาวเริ่มหมดเข้าสู่หน้าร้อนพวกเรารู้แล้วว่า คน
ในครอบครัวจะมาช่วยกันทำแป้งร่ำ รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ของพวกเราด้วย
โดยเฉพาะช่วงเทศกาลจะต้องทำเตรียมไว้ เพราะจะขายดีเป็นพิเศษคุณปู่
บอกว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่พระอาทิตย์ เคลื่อนย้ายเข้าสู่จักรราศีเมษซึ่งตรง
กับวันที่ 13 เมษายน วันมหาสงกรานต์แป้งร่ำจึงได้รับความนิยมมากใน
สมัยนั้นเค้าจะใช้ผัดหน้า แม้กระทั่งชาวพม่าเองก็ยังเอามาปะหน้าแล้วใช่
หวีทำเป็นลวดลาย แต่ปัจจุบันมักใช้ดินสอพองมาปะทินโฉมมากกว่า


จะใช้ผสมกับน้ำ หรือไม่ก็ผสมน้ำผึ้งต่างวิธีกันไป สมัยก่อนคุณปู่มีโรงงานทำแป้งร่ำ
อยู่บางหว้า ภาษีเจริญแถวฝั่งธนบุรีอยู่ใกล้มหาชัยสาเหตุที่โรงงานอยู่แถบนั้น ก็เพราะ
เป็นแหล่งผลิตเกลือในสมัยนั้นการเดินทางไม่สะดวกสบาย เหมือนเช่นปัจจุบัน รถเมล์
ก็มีแต่รถนายเลิศเท่านั้นหลังจากนั้น พวกเราจะนำมาอบน้ำหอม และบรรจุแป้งร่ำ
ตราสายรุ้งกันที่วัดสามปลื้ม แถวจักรวรรดิ์พวกเรานั่งดูคุณปูƒทำแป้งร่ำอยู่ได้สักพักหนึ่ง
ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแป้งร่ำแท้จริงแล้วทำมาจากอะไรกันแน่ คุณปู่บอกว่า แป้งร่ำ หรือ
แป้งหินตัวเดียวกัน แล้วแต่ใครจะเรียก เป็นแป้งธรรมชาติที่เกิดจากการเอาน้ำทะเล
ชั้นทรายเกลือ แต่ไม่มีความเค็มเราเรียกว่า "ทรายเกลือ" เอามาคั่วให้สุก แล้วล้าง
ออกก็จะได้ส่วนที่เป็นแป้งสีขาวบริสุทธิ์ สีธรรมชาติที่แท้จริง คุณปู่ยังบอกอีกว่ามัน
เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เหลือเชื่อ จากทรายที่มีสีน้ำตาลดำคล้ำเปลี่ยนมาเป็นสีขาวได้
อย่างไร สีที่ได้เกิดมาจากธรรมชาติในขณะที่ดินสอพอ จะมาจากการใช่ชั้นดินมา
คั่วแชˆน้ำและล้างออก สีที่ได้จะออกขุ่นๆเหมือนสีดินไม่ได้ขาวซะทีเดียว


ในยุคนั้นช่วงหน้าร้อนก็ร้อนเอาเรื่อง ไม่มีเครื่องปรับอากาศเหมือนสมัยนี้
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้แป้งร่ำคือสิ่งที่ดีที่สุด และในสมัยนั้นก็ยังไม่มีแป้งฝุ่น เวลาที่เกิด
ผดผื่นคันเราก็ใช่แป้งร่ำผสมกับน้ำมาทาไว้ ผด ผื่น คัน ก็จะหายเองโดยธรรมชาติ
เพราะทรายเกลือในแป้งร่ำ จะมีความเย็นในตัวเองอยู่แล้วจะช่วยดูดซับของเสียทำ
ให้ผิวเนียนผ่องพอถึงหน้าเทศกาลสงกรานต์ทีไร พวกเราก็จะไปเล่นสนุกกันที่
วัดสามปลื้มเพราะใกล้บ้านได้เห็นผู้คนในยุคนั้น ใช้แป้งร่ำ กับน้ำอบสรงน้ำพระ
แล้วเล่นสาดน้ำปะแป้งอย่างสนุกสนาน


เมืองไทยเป็นเมืองร้อน แต่เราโชคดียังมีแป้งร่ำ แป้งธรรมชาติของดีจากทรายเกลือ แค่แป้งไทยก็ทำให้งามได้
หลังจากนั้นแป้งร่ำ ก็ถูกใช่เป็นเครื่องสำอาง ทำให้คนโบราณได้สวย....

หมายเหตุ ขอขอบคุณมาดามเฮงค่ะ